ในยุคที่เทคโนโลยีก้าวข้ามไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว การสื่อสารทางอีเมลกลายเป็นส่วนสำคัญของธุรกิจและองค์กรทั่วไปไม่ว่าจะเป็นการส่งเอกสารทางธุรกิจหรือการติดต่อสื่อสารระหว่างพนักงานภายในองค์กร ด้วยความสำคัญของการสื่อสารทางอีเมล เราต้องเข้าใจถึงความสำคัญของการเลือกใช้บริการอีเมลองค์กรที่มีระบบป้องกันไวรัสอย่างเป็นอย่างดี
โจทย์ในปัจจุบันของการเลือกใช้บริการอีเมลองค์กรไม่ได้เป็นเพียงเรื่องของการส่งและรับอีเมลเท่านั้น มันยังเกี่ยวข้องกับการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลและเนื้อหาที่ถูกส่งผ่านระบบ ด้วยความที่เราเสี่ยงต่อการโจมตีทางไซเบอร์และการรั่วไหลของข้อมูลอันเป็นความลับ การเลือกใช้บริการอีเมลองค์กรที่มีระบบป้องกันไวรัสกลายเป็นเรื่องสำคัญอย่างไม่แพ้กับการเลือกใช้แพลตฟอร์มการสื่อสารอื่นๆ ในองค์กร
มาดูว่าทำไมคุณควรเลือกที่จะใช้บริการอีเมลองค์กรที่มีระบบป้องกันไวรัส
1. การป้องกันไวรัส การใช้โปรแกรมanti virus จะช่วยป้องกันการติดไวรัสจากไฟล์แนบหรือลิงก์ในอีเมลอันตราย ซึ่งอาจทำให้ระบบหรือข้อมูลส่วนบุคคลถูกเข้าถึงและเสียหายได้
2. การกรองสแปม โปรแกรมanti virus อาจช่วยในการกรองอีเมลสแปมหรืออีเมลที่มีลิงก์หรือแนบไฟล์ที่ไม่ปลอดภัย ซึ่งจะช่วยลดการโจมตีที่เกิดขึ้นจากเทคนิคการฟิชชิ่ง (Phishing) หรือการโจมตีด้วยมัลแวร์
3. ความปลอดภัยของข้อมูล การใช้โปรแกรมanti virus ช่วยลดความเสี่ยงที่ข้อมูลส่วนตัวหรือข้อมูลที่มีความลับจะถูกเข้าถึงโดยผู้ที่ไม่พึงประสงค์
4. ความสะดวกในการจัดการ โปรแกรมanti virus ที่ดี จะสามารถช่วยลดภาระของการดูแลรักษาด้านความปลอดภัยโดยอัตโนมัติ เช่น การอัปเดตอย่างต่อเนื่องของฐานข้อมูล
5. ความน่าเชื่อถือ การมีโปรแกรมanti virus ในอีเมลองค์กรช่วยให้ผู้รับอีเมลมีความมั่นใจมากขึ้นในการตอบกลับหรือเปิดอีเมล โดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงจากไวรัสหรือมัลแวร์ที่ซ่อนอยู่ในอีเมลนั้น
ดังนั้นการใช้โปรแกรมanti virus ในอีเมลองค์กรเป็นมาตรการที่ดีเพื่อป้องกันไม่ให้ข้อมูลและเครือข่ายของคุณเสี่ยงต่อการโจมตีและการบุกรุกจากภัยคุกคามต่าง ๆ ที่อาจมากับอีเมลที่ไม่ปลอดภัย
5 ไวรัสที่สามารถมากับอีเมล
1. ไวรัสจากไฟล์แนบ (Email Attachment Virus) เป็นรูปแบบที่พบได้บ่อยที่สุดของไวรัสในอีเมล โดยไวรัสจะถูกแนบมากับไฟล์ในอีเมล โดยมักจะเป็นไฟล์ที่มีนามสกุลเหมือนกับไฟล์ทั่วไปเพื่อหลอกผู้ใช้ เมื่อผู้ใช้เปิดไฟล์นั้นๆ ไวรัสก็จะทำงานและติดตั้งบนเครื่องคอมพิวเตอร์
2. มัลแวร์จากไฟล์แนบ (Malware Email Attachment) : มัลแวร์ไม่จำเป็นต้องเป็นไวรัสเท่านั้น มัลแวร์อาจเป็นรูปแบบอื่น ๆ เช่น แอปพลิเคชันที่โจมตีไปยังเครือข่ายหรือข้อมูลของผู้ใช้ เป็นต้น
3. ฟิชชิ่งอีเมล (Phishing Emails) : ไม่ใช่ไวรัสแต่เป็นอีกสิ่งสำคัญที่ต้องตั้งค่าความปลอดภัยในอีเมล ฟิชชิ่งอีเมลมักจะปลอมเป็นอีเมลจากองค์กรที่เชื่อถือได้ เพื่อทำให้ผู้ใช้ให้ข้อมูลส่วนตัว เช่น ชื่อผู้ใช้และรหัสผ่าน หรือ ข้อมูลบัตรเครดิต
4. ลิงก์ที่ไม่ปลอดภัย (Malicious Links) : ไวรัสหรือมัลแวร์ อาจถูกส่งผ่านลิงก์ในอีเมล เมื่อผู้ใช้ที่คลิกลิงก์อาจถูกนำไปสู่เว็บไซต์ที่เป็นอันตรายที่อาจติดตั้งโปรแกรมมัลแวร์ลงบนเครื่องคอมพิวเตอร์ของพวกเขา
5. แอปเปิลสคริปต์ (AppleScript) : สคริปต์ที่ส่งผ่านทางอีเมลที่ใช้เอพีไอสำหรับการเขียนโปรแกรม เรียกว่าแอปเปิลสคริปต์ ไวรัสอาจถูกฝังอยู่ในสคริปต์เหล่านี้เพื่อทำความเสียหายหรือเข้าถึงข้อมูล
การป้องกันจากไวรัสในอีเมลจึงเป็นสิ่งสำคัญ เราควรมีการตั้งค่าอีเมลให้มีระดับความปลอดภัยที่สูงพร้อมกับการใช้โปรแกรมanti virus และการอัปเดตระบบป้องกันไวรัสอย่างสม่ำเสมอ เพื่อลดความเสี่ยงที่จะติดไวรัสผ่านทางอีเมลล์ลงไปในระบบของเรา
การป้องกันตัวจากไวรัสที่มาจากอีเมล
1. ใช้โปรแกรมanti virus ที่มีประสิทธิภาพ : ติดตั้งและใช้โปรแกรมanti virus ที่มีความสามารถในการตรวจจับและลบไวรัสอีเมลล์อย่างมีประสิทธิภาพ อัปเดตโปรแกรมเป็นประจำเพื่อให้มั่นใจว่ามันมีความสามารถในการตรวจจับไวรัสเวอร์ชั่นล่าสุด
2. ไม่เปิดอีเมลล์ที่น่าสงสัย : อย่าเปิดอีเมลล์จากผู้ส่งที่ไม่รู้จักหรือไม่น่าเชื่อถือ แม้ว่าอีเมลล์นั้นจะดูเหมือนมาจากองค์กรที่คุ้นเคย ก็อาจจะเป็นอีเมลล์ที่ถูกปลอมแปลง (ฟิชชิ่ง) และมีไวรัสได้
3. ระมัดระวังไฟล์แนบ : อย่าเปิดหรือดาวน์โหลดไฟล์แนบจากอีเมลล์ที่มีลักษณะไม่น่าเชื่อถือ เช่น ไฟล์ที่มีนามสกุล เช่น .exe, .vbs, .bat, .zip (ที่มีการเข้ารหัส) หรือไฟล์ที่ดูไม่ปกติ
4. ใช้การตรวจสอบ URL : ก่อนที่คุณจะคลิกลิงก์ในอีเมล ระมัดระวังและตรวจสอบ URL ว่าปลอดภัยหรือไม่ อย่าคลิกลิงก์จากอีเมลที่ดูไม่ปกติ และระวังการเลียนแบบเว็บไซต์ที่มีความน่าเชือถือ
5. อัปเดตระบบป้องกัน : อย่าลืมอัปเดตโปรแกรมanti virus และโปรแกรมอื่น ๆ ในระบบปฏิบัติการของคุณเสมอ เพื่อรักษาความปลอดภัยและป้องกันการโจมตีให้แก่คอมพิวเตอร์ของคุณอย่างมีประสิทธิภาพ
6. อ่านอีเมลด้วยความระมัดระวัง : ทำความเข้าใจเกี่ยวกับการระมัดระวังและสอบถามว่าอีเมลล์มีลักษณะที่ปกติหรือไม่ เช่น การใช้ภาษาอังกฤษที่ผิดปกติ คำที่ผิด หรือข้อความที่ดูไม่เหมือนกับองค์กรที่คุ้นเคย
การปฏิบัติเหล่านี้จะช่วยให้คุณป้องกันตัวจากไวรัสที่มาจากอีเมลล์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม ความระมัดระวังเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการใช้งานอีเมล และอย่ามองข้ามสัญญาณเตือนหรือสิ่งที่ดูผิดปกติในอีเมลล์ของคุณ